- ARB (Architect Registration Board)
- RIBA (The Royal Institute of British Architect)
ARB (Architect Registration Board)
ARB เป็นศูนย์รวมของวิชาชีพสถาปัตยกรรม และควบคุมกฎหมายเกี่ยวกับวิชาชีพสถาปนิก (มีหน้าที่คล้ายๆกับสภาสถาปนิกในประเทศไทย) และกำหนดมาตรฐานของวิชาชีพสถาปนิก ที่เรียกว่า
Architects Code: Standards of Conduct and Competence ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดพื้นฐานที่สถาปนิกควรปฏิบัติหรือมีคุณสมบัติตามที่ได้กำหนดไว้
ก่อนที่จะได้เป็นสถาปนิกนั้น จำเป็นที่ต้องมีข้อกำหนด ดังนี้
to be an architect (in England)
ในการที่จะเป็นสถาปนิกได้นั้น มีข้อกำหนด ดังนี้
1. ได้รับปริญญาในสาขาวิชาสถาปัตยกรรม จบการศึกษาแบบเต็มหลักสูตร และฝึกงานภายใต้การดูแลของสถาปนิกผู้ที่จดทะเบียนในประเทศอังกฤษหรือยุโรป ถ้าไม่มีคุณสมบัติตามนี้ สามารถมีการตรวจสอบตามมาตรฐานของ ARB หรือ
2. ได้รับประกาศนียบัตรหรือปริญญาใบที่สองในสาขาวิชาสถาปัตยกรรม และมีประสบการณ์ในการทำงานหลังเรียนจบอีก 2 ปี หลังจากรับปริญญาใบแรก และจากนั้นต้องมีการฝึกงานอีกหนึ่งปีภายใต้การดูแลของสถาปนิกผู้ที่จดทะเบียนในประเทศอังกฤษหรือยุโรป ถ้าไม่มีคุณสมบัติตามนี้ สามารถมีการตรวจสอบตามมาตรฐานของ ARB เช่นเดียวกับข้อที่ 1.
3. ได้ทำการทดสอบ professional practice examination คือทดสอบความรู้ความเข้าใจและทักษะที่ได้รับจากประสบการณ์ทั้งการเรียนและการฝึกอบรม
ทั้งนี้ในการดำเนินงานก็จะต้องมีผู้ที่เป็นคณะกรรมการคือ Professional Conduct Committee (PCC)
คณะกรรมการ เป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นในสิทธิตามกฎหมายและตามพระราชบัญญัติสถาปนิกของประเทศอังกฤษ
ซึ่งมีอำนาจในการตำหนิ ตักเตือน ปรับโทษ หรือระงับความเป็นสถาปนิกได้ ซึ่งจะเหมือนกับในประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543 มาตราที่ 7 และมาตราที่ 8 ซึ่งจะกล่าวถึงสภาสถาปนิกมีบทบาทอย่างไรบ้าง
การที่จะเป็นสถาปนิกในประเทศอังกฤษได้นั้น ต้องผ่านการรับรองจาก ARB ก่อน ส่วนในของประเทศไทย ก็จะมีหลายข้อย่อย ๆ ที่คล้ายกัน โดยเฉพาะใน พ.ร.บ. 2543 ในมาตราที่ 50 ที่กล่าวว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสถาปัตยกรรมตามที่กำหนดในข้อบังคับสภาสถาปนิก ซึ่งในเรื่องของจรรยาบรรณนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการประกอบวิชาชีพ...ส่วนในประเทศอังกฤษจะมีข้อกำหนดคร่าว ๆ ดังนี้
· พื้นฐานของการเป็นสถาปนิก :
- Be honest and act with integrity
ต้องมีความซื่อสัตย์และกระทำการอย่างมีจรรยาบรรณ
- Be competent
มีความรู้ ความสามารถในการทำงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีสติ
- Promote your services honestly and responsibly
ให้บริการอย่างซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อหน้าที่
- Manage your business competently
มีการบริหารจัดการได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
- Consider the wider impact of your work
พิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากผลงานที่ออกแบบว่ามี ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้องเพียงใด
- Carry out your work faithfully and conscientiously
พึงปฏิบัติต่อหน้าที่อย่างมีจิตสำนึกและมีความจริงใจ ทั้งในด้านของการออกแบบ ความมีเหตุผล และตรงต่อเวลา
- Be trustworthy and look after your clients’ money properly
มีสัจจะ ในเรื่องที่สำคัญคือเรื่อง “เงิน” หรือ “ค่าใช้จ่าย” ซึ่งใน ARB ได้กล่าวไว้ในข้อที่ 2 ว่า ควรแยกบัญชีโดยแบ่งเป็น บัญชีของลูกค้า และบัญชีส่วนตัว ออกจากกัน
- Have appropriate insurance arrangements
มีการเตรียมประกันภัยที่เหมาะสม
- Maintain the reputation of architects
รักษาชื่อเสียงของวิชาชีพสถาปนิก
- Deal with disputes or complaints appropriately
จัดการข้อพิพาทหรือข้อร้องเรียนอย่างเหมาะสม
- Co-operate with regulatory requirements and investigations
ร่วมมือกับข้อกำหนดและการตรวจสอบ
- Have respect for others
มีความเคารพผู้อื่น ในข้อนี้ถือว่าสำคัญต่อบุคคลอื่น ๆ เป็นอย่างมาก เพราะอาจส่งผลกระทบถึงพวกเขาเหล่านั้นได้ ซึ่งเราควรมีความยุติธรรมและตั้งมั่น ไม่ควรจะแบ่งแยกไม่ว่าในกรณีใด ๆ เช่น คนพิการ,คนแก่,เพศ
เนื่องจากอาชีพสถาปนิก เป็นอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับหลายบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้อาคาร ผู้รับเหมา วิศวกร ซึ่งถ้าทำพลาดก็มีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง จึงต้องมีการประกันภัย หรือ PII (Professional indemnity insurance)
สถาปนิกคาดว่าจะมีวงเงินชดเชยที่ไม่ต่ำกว่า 250,000 ปอนด์
ในประเทศไทย ยังไม่มีการประกันภัยของสถาปนิก ซึ่งในส่วนนี้ก็มีความสำคัญต่ออาชีพเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าอาชีพสถาปนิกก็เป็นอาชีพที่เสี่ยงชีวิตพอสมควร ต้องเจอกับผู้คนหลากหลายอาชีพ ทั้งคนสุจริต ทุจริต ถือว่าเป็นส่งที่อันตรายมาก
ขอกล่าวถึงในการกำหนดคุณภาพของนักเรียนที่จะเป็นสถาปนิกต่อไปของ ARB ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- Design
Design ต้องเรียนรู้การวิเคราะห์แก้ปัญหา (analysis), การเก็บข้อมูล(research) ,บริบทโดยรอบ (context) งบประมาณ (budget), การเตรียมตัว,การพัฒนาแบบ และการเขียนรายงาน
ขอบเขตของกฎหมาย ความปลอดภัย (safety) และการก่อสร้างอาคาร (building construction)
ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม, ทฤษฎีทางสถาปัตยกรรม, วัฒนธรรม และกระบวนการออกแบบ
และต้องมีความสามารถในการ...
ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
- Technology & Environment
ต้องมีความรู้พื้นฐานในการก่อสร้างอาคาร, การออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และรวมถึงวิธีในการก่อสร้าง
- Cultural Context
ต้องมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ ทฤษฎี และการวางผัง ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิมและต้องมีความสามารถในการตัดสินทางด้านความงาม การใช้วัสดุ (คล้ายๆกับที่ได้เรียนในวิชาอ.จิ๋ว)
- Communication
ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร ทั้งในด้านการอ่าน พูด เขียน และการฟัง มีการสนทนากับคนอื่น ๆ มีความเข้าใจและสามารถแสดงในลักษณะ 2 มิติ และ 3 มิติได้
Management, Practice & Law
มีความรู้พื้นฐานในการบริหารจัดการ เช่น หากจะสร้างอาคารสักอาคารหนึ่ง จะต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง การกำหนดขอบเขตของงาน รวมถึงการติดต่อกับบุคคลภายนอก นอกเหนือจาก ARB แล้ว ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องกับวิชาชีพสถาปนิกอีกหน่วยงานหนึ่ง คือ
RIBA (The Royal Institute of British Architects)
The Royal Institute of British Architects จะคล้าย ๆ กับ สมาคมสถาปนิกสยาม ASA ในประเทศไทย ซึ่งใน RIBA นี่ก็จะมีสมาชิกที่เป็นสถาปนิกต่าง ๆ ที่มีมาตรฐานในการฝึกอบรม มีรางวัลให้กับผลงานที่มีความเหมาะสมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่จะให้ในทุก ๆ ปี
ในการที่จะได้มาซึ่งการเป็นสถาปนิกของ RIBA จะต้องผ่านการเรียนรู้ดังนี้
RIBA Part 1
ต้องได้วุฒิ BA หรือ BSc ตลอดหลักสูตร 3 ปีเต็ม เมื่อครบ 1 ปี จะได้เป็น RIBA Student Membership
Stage 1 Professional Experience / Year Out
ทำงานในบริษัทสถาปนิก เพื่อเก็บสะสมประสบการณ์ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1 ปี และจะมีการเก็บบันทึกประสบกาณ์ใน PEDR website โดยมีผู้ให้คำปรึกษาเป็นคนควบคุมการฝึกงาน
RIBA Part 2
เป็นการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ใช้เวลา 2 ปีเต็ม มีการให้โปรเจคที่มีความยาก และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น นักศึกษาสามารถเลือกที่จะกลับไปศึกษาในส่วนที่ 1 ได้ หรือนำไปประยุกต์ความรู้ที่ได้ไปใช้กับสถาบันใหม่ก็ได้เช่นกัน
Stage 2 Professional Experience
เก็บสะสมประสบการณ์เหมือน part 1 ซึ่งจะมีการเรียนอย่างต่ำ 1 ปี และสามารถบันทึกใน record work เป็น 2 ปีได้ คือจะทดแทนเวลา 2 ปีในระบบการฝึกงาน
และต้องผ่านการฝึกฝนทางวิชาชีพอย่างน้อย 2 ปี ถึงจะมีสิทธิ์สอบในส่วนที่ 3 ได้
RIBA Part 3
สามารถเลือกสาขาวิชาในการเรียนไหนของ RIBA ก็ได้ ซึ่งจะมีการประเมินดังนี้
-เวลาขั้นต่ำ 24 เดือนที่บันทึกประสบการณ์ทางวิชาชีพหรือฝึกงาน
-C.V. แบบวิชาชีพและแบบการประเมินผลงาน
-กรณีศึกษา
-การสอบข้อเขียน
-การสอบสัมภาษณ์
Architect
ในการสอบปฏิบัติ จะต้องผ่านการประเมินทางด้านความรู้ในการประกอบวิชาชีพ, ความสามารถ และประสบการณ์ทางวิชาชีพทีได้ฝึกฝนมา ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจสอบคุณสมบัติในการเป็นสถาปนิก และเมื่อผ่านก็สามารถไปสมัครเป็นสถาปนิกกับทาง ARB ได้
จะเห็นว่าข้อกำหนดวิชาชีพสถาปนิกในอังกฤษนั้น ก็คล้ายกับประเทศไทยของเรา ถึงแม้บางสิ่ง เช่น หลักสูตรการเรียนการสอนอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ในพื้นฐานของการเป็นสถาปนิกนั้น สิ่งที่สำคัญที่สถาปนิกทุกคนควรมีก็คือ ความซื่อสัตย์และมีจรรยาบรรณต่อในอาชีพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายเพียงแต่อาชีพสถาปนิกเท่านั้น แต่ในการประกอบอาชีพต่าง ๆ ก็ต้องมีสิ่งเหล่านี้ด้วยอีกเช่นกัน
แหล่งที่มา http://www.architecture.com/Home.aspx
พ.ร.บ.สถาปนิก พ.ศ. 2543